วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558
โรดเอดส์หรือเอชไอวี
ข้อมูลเบื้องต้นของเชื้อเอชไอวี |
วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
ข่าวเกี่ยวกับความเสียหาย ทางอินเตอร์เน็ต
ปัจจุบันเทคโนโลยีที่ทำให้โลกไร้พรมแดน โดยเฉพาะการใช้อินเทอร์เน็ตที่นำความสะดวกสบาย และประโยชน์มากมายมาสู่มนุษย์ ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่ทั้งบุคคลทั่วไปและในองค์กรต่างยอมรับว่า ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อองค์กรและในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความรวดเร็วในการก้าวทันโลกยุคข่าวสาร หรือการพบปะพูดคุยผ่านระบบออนไลน์ผ่านแป้นพิมพ์ ไม่ว่าจะคุยข้ามจังหวัด ข้ามประเทศ ไปจนถึงข้ามทวีป เรียกว่ามีสารพัดช่องทางที่จะสามารถสื่อสารถึงกันทางอินเทอร์เน็ต
แต่ขณะเดียวกันเหมือนเป็นดาบสองคม ภัยร้ายที่เกิดจากอินเทอร์เน็ตก็เกิดขึ้นพร้อม ๆ กันกับวิทยาการอันก้าวล้ำนำยุคในสังคมปัจจุบัน?
ดังเช่น 2 คดีใหญ่ ที่ตำรวจนครบาลสามารถแกะรอยติดตามจับกุมคนร้ายที่แฝงตัวอยู่ในสังคมออนไลน์แล้วก่อเหตุเล่นงานบรรดาสุจริตชน!!
คดีแรกเป็นข้อมูล ที่ทีมข่าวอาชญากรรมเดลินิวส์ ไปเห็นเบาะแสข้อมูลในเว็บไซต์พันทิป (www.pantip.com) มีกระทู้ “เตือนภัยสังคม” เผยแพร่ช่วงกลางเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ระบุถึงเรื่องของชายคนหนึ่ง ชื่อ “นายโอม” อ้างตัวเป็นหลานชายนักการเมือง แต่มีพฤติกรรมหลอกลวงผู้เสียหายจำนวนมากมาย โดยเฉพาะผู้หญิงตกเป็นเหยื่อหลายราย หลังจากไปหลงกลหนุ่มแสบที่เสกสรรปั้นแต่งสารพัดเรื่องราวให้คนที่เล่นแชตด้วยเกิดความสงสารใจอ่อน จนยอมให้เบอร์โทรศัพท์ สุดท้ายเมื่อมีการนัดพบกันก็จะตกเป็นเหยื่อนายโอม ทั้งฉกเงินหรือชิงทรัพย์สิน ฯลฯ หลังมีการเผยแพร่ข้อมูลกันในโลกออนไลน์ก็พบว่ามีคนตกเป็นเหยื่อมากมายบางรายถึงขั้นพลาดพลั้งถูกล่วงละเมิดทางเพศก็มี ก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 2551-2555 โดยมีการไปแจ้งความไว้ที่หลายโรงพักด้วยกัน เช่น สน.บางนา แต่ยังไม่มีตำรวจท้องที่ใดจับกุมได้ มีแต่เพียงออก
หมายจับ
หลังจากนั้นบรรดาผู้เสียหายกลุ่มหนึ่งจึงได้เริ่มรวมตัวแลกเปลี่ยนข้อมูลกันแล้วตัดสินใจ นำเรื่องราวไปโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยใช้ชื่อว่า “ตามล่าไอ้โอม” www.facebook.com/omehunter และอีเมล : ome_hunt@hotmail.com ทำให้มีผู้เสียหายที่เคยตกเป็นเหยื่อทยอยแจ้งข้อมูลและเบาะแสต่าง ๆ กระทั่งทาง พล.ต.ต.พิสิฎฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการให้ พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บช.น.และ พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงศ์ ผกก.สส.3 บก.สส. บช.น. วางแผนนำกำลัง ทั้งฝ่ายสืบสวน บช.น. สืบสวน บก.น.5 และ สน.บางนา ช่วยกันแกะรอยไล่ล่าตัว “ไอ้โอม” จากเบาะแสต่าง ๆ โดยเฉพาะข้อมูลที่ได้จากทางอินเทอร์เน็ต
สุดท้ายไอ้โอม ซึ่งมาทราบชื่อภายหลังคือ นายชาคร บุญเชิญ อายุ 33 ปี ภูมิลำเนาอยู่ อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ ต้องมาจนมุมเพราะได้โทรศัพท์ไปหลอก นายสุเมธ วิวัฒน์วิชา ช่างภาพนิตยสารแพรว ซึ่งถูกทุบกระจกรถยนต์ขโมยทรัพย์สินในซอยบางขุน นนท์ 29 ท้องที่ สน. บางขุนนนท์ คนร้ายได้ กล้องถ่ายรูป โน้ตบุ๊ก โดยมีไฟล์ที่มีภาพถ่ายศิลปินดัง “ณเดชน์ คูกิมิยะ” กับ “ญาญ่า อุรัสยา” ที่จะใช้ลงนิตยสารถูกขโมยไปด้วย ไอ้โอมคงเห็นข้อมูลจากสื่อมวลชน เลยฉวยโอกาสโทรศัพท์ไปสร้างเรื่องว่ามีคนร้ายนำทรัพย์สินดังกล่าวมาจำนำไว้ 6 หมื่นบาท
แต่นายสุเมธ ไม่ตกเป็นเหยื่อง่าย ๆโทรศัพท์ไปปรึกษา พ.ต.อ.นพศิลป์ จากนั้นตำรวจจึงได้วางแผนจับกุมไอ้โอมได้สำเร็จภายในห้องพักย่านลาดพร้าว ยังพบของกลางมากมาย 138 รายการ ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋าสะพาย กระเป๋าสตางค์ บัตรประชาชน บัตรของธนาคาร และเอกสาร ใบขับขี่ บัตรข้าราชการ ซึ่งสามารถระบุยืนยันชื่อผู้เสียหายที่ถูกลักทรัพย์ได้จำนวน 66 คน เมื่อขยายผลเพิ่มเติมพบว่า มีผู้เสียหายไปแจ้งความไว้ชัดเจนอีก 8 สน. คือ สน.บางนา ทองหล่อ จระเข้น้อยลุมพินี สุทธิสาร ปทุมวัน ธรรมศาลา และ บางยี่ขัน สามารถติดต่อผู้เสียหายได้แล้ว 41 ราย อยู่ระหว่างให้ผู้เสียหายมาดูของกลางและมาชี้ตัวคนร้าย นอกจากนี้ในพื้นที่ต่างจังหวัดยังมี สภ.เมืองสุรินทร์, สภ.กาบเชิง จ.สุรินทร์, สภ.บางกรวย จ.นนทบุรี, สภ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ฯลฯ
นอกจากนี้ในช่วงเวลาไล่เลี่ยยังเกิดเหตุลักษณะทำนองเดียวกันขึ้นอีกคือ หลอกลวงเหยื่อทางอินเทอร์เน็ตมาแล้วนับไม่ถ้วน กระทั่งพ.ต.ท.เจิดเกษม ศิริโชติ สว.สส.สน.บางชัน ตามแกะรอยคนร้ายมาดำเนินคดีได้ เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา คือ นายอิศรา หรือ ต้อม สุพร อายุ 22 ปี ภูมิลำเนา ต.บ้านพริก อ.บ้านนา จ.นครนายก ตามหมายศาลจังหวัดมีนบุรี ในข้อหา ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นผู้อื่น และทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว หรือความตกใจ โดยการขู่เข็ญ จับกุมตัวได้ที่ อ.วิหารแดง จ.สระบุรี พ.ต.ท.เจิดเกษม เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้มีผู้เสียหายหลายรายมาแจ้งความว่า ถูกนายอิศรา หลอกเป็นเพื่อนที่กำลังได้รับความเดือดร้อนและขอให้โอนเงินด่วนเข้าไปให้ในบัญชีธนาคารวิหารแดง จ.สระบุรี แต่ที่น่าตกใจคือ ผู้ต้องหาเรียนจบเพียงชั้นประถมปีที่ 6 แต่ได้หลอกเหยื่อมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2552 ไปแล้วกว่า 60 ราย
สำหรับพฤติกรรมที่ใช้หลอกล่อเหยื่อนั้น นายอิศรา อ้างว่าชนวนเรื่องมาจากผูกใจเจ็บเพราะเคยถูกหลอกขายเบอร์โทรศัพท์ “เลขสวย” ทางอินเทอร์เน็ตมาก่อน ต้องเสียเงินค่าโอนเงินไป 500 บาท จากนั้นเลยวางแผนคิดจะเอาคืนบ้าง จึงไปเปิดหาอ่านข้อมูลในเว็บไซต์กูเกิ้ล โดยพิมพ์คำว่า “หลอกคนยังไงให้หลงเชื่อ” นอกจากนี้ยังคลิกเข้าไปอ่านศึกษาเรื่องราว การใช้จิตวิทยากับมนุษย์ พออ่านอย่างละเอียดแล้วจึงมาทดลองใช้ โดยไปเปิดหาเหยื่อตามเฟซบุ๊ก ไฮไฟว์ และอินสตาแกรม ขอเป็นเพื่อนกับคนอื่น ๆ ไปทั่ว พอรู้เบอร์โทรศัพท์ก็จะเริ่มโทรฯ ไปหลอกเหยื่อว่าเป็นเพื่อนกำลังเดือดร้อน พยายามใช้วิธีการพูดจนเหยื่อหลงเชื่อและโอนเงินให้มาหลายรายด้วยกัน ครั้งที่หลอกได้เงินมากสุดคือ 1 แสนบาทนั้น โทรฯ ไปหลอกคนแก่ ที่ จ.อุดรธานี นอกจากนี้ยังเคยหลอกเงินหลานชายบิ๊กทหารชื่อดัง แต่สุดท้ายก็ต้องมาจนมุมจากทีวีวงจรปิด บันทึกภาพหลักฐานเอาไว้ได้ขณะไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม
นับเป็นภัยสังคมอีกรูปแบบหนึ่ง ที่กำลังผุดราวดอกเห็ด บนโลกออนไลน์ ยิ่งสังคมไทยเป็นคนขี้สงสาร ใจอ่อน พอไปเชื่อใจใครง่ายเกินไปแล้ว ก็อาจจะทำให้พลาดพลั้งเสียที! ตกเป็นเหยื่อเหล่ามิจฉาชีพสารพัดกลุ่มที่ได้แอบแฝงตัวเข้าไปล่าเหยื่อในโลกออนไลน์กันแบบเสรี บรรดาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องเร่ง ตามข้อมูลแก๊งแสบให้ได้ เพื่อหามาตรการป้องกันและเตือนภัยประชาชนให้รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของมิจฉาชีพ!!
ปัญหาที่เกิด
1.หลอกลวงโดยใช้ Social Network ในการล่อลวงไปข่มขืน
สาเหตุของปัญหา
1.ไม่สามารถรู้ตัวตนที่แท้จริงได้ใน Social Network
2.หลงเชื่อโดยไม่ตรวจสอบให้ดีก่อน
ผลกระทบด้านต่างๆ
1.ทำให้โดนหลอกลวงจากมิจฉาชีพ
วิธีการแก้ไข
1.ไม่ควรหลงเชื่อบุคคลต่างๆใน Social Network โดยไม่ตรวจสอบก่อน
2.ถามจากบุคคลต่างๆว่ารู้จักรึปล่าว
วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
ตัวอย่างข้อสอบO-NET
แนวข้อสอบ O-NET มัธยมศึกษาปี่ที่ 6
เว็บไซค์1 http://testo-net.oporjang.com
เว็บไซค์2https://pakornkrits.wordpress.com
เว็บไซค์1 http://testo-net.oporjang.com
เว็บไซค์2https://pakornkrits.wordpress.com
1. พระพุทธศาสนาสอนหลักความจริงที่เปนสากลในเรื่องใด
1. ตนเปนที่พึ่งแหงตน
2. การทําลายชีวิตเปนบาป
3. ทุกชีวิตตองเผชิญปญหาดวยความไมประมาท
4. มนุษยใชปญญาหาสาเหตุเพื่อแกปญหาได
2. ขอใดไมใชขอหามในศาสนาอิสลาม
1. หามฆาตนเองและผูอื่น
2. หามการคุมกําเนิดและทําแทง
3. หามการเสี่ยงโชคและการพนัน
4. หามกราบบุคคลอื่นยกเวนบิดามารดา
3. จุดมุงหมายสูงสุดในศาสนาคริสตคือเรื่องใด
1. การลางบาปกําเนิด
2. การไปรวมกับพระเจา
3. การสรางศรัทธาตอพระเจา
4. การรอดพนจากคําพิพากษา
4. พิธีกรรมประจําบาน 12 ประการ ของศาสนาพราหมณ์ฮินดูคือพิธีใด
1. พิธีศารทธ
2. พิธีสังสการ
3. พิธีบูชาเทวดา
4. พิธีประจําวรรณะ
5. อุดมเปนผูมีความขยันหมั่นเพียร ประหยัด เลี้ยงชีพตามกําลังทรัพย์และคบเพื่อนที่ดีอุดมปฏิบัติตาม
ธรรมขอใด
1. โลกธรรม
2. โภคอาทิยะ
3. ทิฏฐธัมมิกัตถะ
4. อปริหานิยธรรม
6. พระมหาชนกเปนผูมีความเพียรตรงกับพุทธศาสนสุภาษิตขอใด
1. อิณาทานํทุกฺขํโลเก
2. สนฺตุฏีปรมํธนํ
3. วายเมเถว ปุริโส ยาว อตฺถสฺส นิปฺปทา
4. ปฏิรูปการีธุรวา อุฏาตา วินทฺเต ธนํ
7. คัมภีรที่อธิบายพระไตรปฎกเรียกวาอะไร
1. ฎีกา
2. อรรถกถา
3. ปกรณพิเศษ
4. สัททาวิเสส
8. ขาแตพระสงฆ์ผูเจริญ ขาพเจาทั้งหลาย ขอนอมถวาย ...(1)... กับทั้งบริวาร
เหลานี้แกพระภิกษุสงฆ์ขอพระภิกษุสงฆ์จงรับ ...(2)... กับทั้งบริวารเหลานี้
ของขาพเจาทั้งหลาย เพื่อประโยชนและความสุข แกขาพเจาทั้งหลาย สิ้นกาลนาน เทอญฯ
ขอความขางตนเปนคําถวายสังฆทานประเภทสามัญ คําที่ตองเติมใน
ชองวางที่ (1) และ (2) คือขอใด
1. อัฐบริขาร
2. ภัตตาหาร
3. มตกภัตตาหาร
4. ภัตตาหารและน้ํำ
9. ขอใดคือความหมายของ “จิต” ในจิตตานุปสสนาสติปฏฐาน
1. ธรรม
2. อารมณ
3. ความรูสึก
4. ความนึกคิด
10. ในแนวทางพระพุทธศาสนา เราสามารถพัฒนาตนเปนมนุษย์ที่สมบูรณไดอยางไร
1. รักษาศีลใหครบ
2. ยึดไตรสิกขาในการดําเนินชีวิต
3. ฝกสติปฏฐานจนถึงขั้นสุดทาย
4. มีสวนรวมในกิจกรรมทางศาสนาอยางสม่ําเสมอ
วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2558
โครงงานเรื่อง รายการกินนู่นกินนี่
http://eatnooneatnee.blogspot.com/
ประโยชน์ที่ได้รับจากการทำโครงงาน
1. ทำให้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทำงาน ประสานงาน และติดต่อกับหน่วยงานต่าง ๆ พร้อมทั้งมีการวางแผนการทำงาน
2. ทำให้กล้าคิด กล้าแสดงออก ต่อที่ประชุมชนมากขึ้น
3. ทำให้รู้จักหน้าที่ และมีความรับผิดชอบมากขึ้น
4. ทำให้รู้จักการทำงานร่วมกันเป็นหมู่คณะ
5. ทำให้รู้จักการเป็นผู้นำ และผู้ตามที่ดี
วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558
การศึกษาตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์
http://www.vcharkarn.com/project/919
เครื่องห่อผลไม้
สรุป : เนื่องจากการห่อผลไม้เป็นภารกิจที่สำคัญขั้นตอนหนึ่งของอาชีพสวนผลไม้ ซึ่งต้องใช้แรงงานคนและใช้เวลามาก ทั้งนี้เพื่อป้องกันแมลง ลดการใช้สารเคมี และทำให้ผลไม้มีสีผิวสวยเป็นที่ต้องการของตลาด ตลอดจนผลไม้บางชนิดจะมีรสชาติดีขึ้นหลังจากการ ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงเป็นสาเหตุให้คิดสิ่งประดิษฐ์เป็นเครื่องห่อผลไม้ เพื่อห่อผลไม้ที่มีอยู่บริเวณบ้าน หรือในสวนผลไม้ของตนเองโดยทำการศึกษาหาความรู้จากผลงานเครื่องห่อผลไม้ที่มีขายตามท้องตลาด ที่ได้รับรางวัล ในการประกวดสิ่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปี ๒๕๔๕ ของคุณนพพล กองเอียด ชาวจังหวัดพัทลุง มาเป็นแนวทางการพัฒนาและสร้างเครื่องห่อผลไม้ในครั้งนี้
เครื่องห่อผลไม้
สรุป : เนื่องจากการห่อผลไม้เป็นภารกิจที่สำคัญขั้นตอนหนึ่งของอาชีพสวนผลไม้ ซึ่งต้องใช้แรงงานคนและใช้เวลามาก ทั้งนี้เพื่อป้องกันแมลง ลดการใช้สารเคมี และทำให้ผลไม้มีสีผิวสวยเป็นที่ต้องการของตลาด ตลอดจนผลไม้บางชนิดจะมีรสชาติดีขึ้นหลังจากการ ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงเป็นสาเหตุให้คิดสิ่งประดิษฐ์เป็นเครื่องห่อผลไม้ เพื่อห่อผลไม้ที่มีอยู่บริเวณบ้าน หรือในสวนผลไม้ของตนเองโดยทำการศึกษาหาความรู้จากผลงานเครื่องห่อผลไม้ที่มีขายตามท้องตลาด ที่ได้รับรางวัล ในการประกวดสิ่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปี ๒๕๔๕ ของคุณนพพล กองเอียด ชาวจังหวัดพัทลุง มาเป็นแนวทางการพัฒนาและสร้างเครื่องห่อผลไม้ในครั้งนี้
วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558
โปรแกรม CAL
Private Sub Command1_Click()
x = Val(Text1.Text)
y = Val(Text2.Text)
z = x * y
Label1.Caption = z
End Sub
Private Sub Command2_Click()
x = Val(Text1.Text)
y = Val(Text2.Text)
z = x / y
Label1.Caption = z
End Sub
Private Sub Command3_Click()
x = Val(Text1.Text)
y = Val(Text2.Text)
z = x + y
Label1.Caption = z
End Sub
Private Sub Command4_Click()
x = Val(Text1.Text)
y = Val(Text2.Text)
z = x - y
Label1.Caption = z
End Sub
Private Sub Command5_Click()
Text1.Text = " "
Text2.Text = " "
Label1.Caption = " "
End Sub
Private Sub Command6_Click()
End
End Sub
Private Sub Text1_Change()
End Sub
วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558
ประเภทของสื่อการเรียนรู้
การจำแนกประเภทของสื่อการเรียนรู้
สื่อการเรียนรู้สามารถจำแนกออกตามลักษณะได้เป็น 3 ประเภท คือ
1. สื่อสิ่งพิมพ์ หมายถึง หนังสือและเอกสารสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ที่แสดงหรือเรียบเรียงสาระความรู้ต่าง ๆ โดยใช้ตัวหนังสือที่เป็นตัวเขียน หรือตัวพิมพ์เป็นสื่อในการแสดงความหมาย สื่อสิ่งพิมพ์มีหลายชนิด ได้แก่ เอกสาร หนังสือเรียน หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วารสาร บันทึก รายงาน ฯลฯ
2. สื่อเทคโนโลยี หมายถึง สื่อการเรียนรู้ที่ผลิตขึ้นใช้ควบคู่กับเครื่องมือโสตทัศนวัสดุ หรือเครื่องมือที่เป็น เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น แถบบันทึกภาพพร้อมเสียง (วิดีทัศน์) แถบบันทึกเสียง ภาพนิ่ง สื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน นอกจากนี้สื่อเทคโนโลยี ยังหมายรวมถึงกระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการเรียนรู้ เช่น การใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อการเรียนรู้ การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม เป็นต้น
3. สื่ออื่น ๆ นอกเหนือจากสื่อ 2 ประเภทที่กล่าวไปแล้ว ยังมีสื่ออื่น ๆ ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน ซึ่งมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อเทคโนโลยี สื่อที่กล่าวนี้ ได้แก่
3.1 บุคคล หมายถึง บุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ซึ่งสามารถถ่ายทอด สาระความรู้ แนวคิดและ ประสบการณ์ไปสู่บุคคลอื่น เช่น บุคลากรในท้องถิ่น แพทย์ ตำรวจ นักธุรกิจ เป็นต้น
3.2 ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หมายถึง สิ่งมีอยู่ตามธรรมชาติและสภาพแวดล้อมตัวผู้เรียน เช่น พืชผักผลไม้ ปรากฏการณ์ ห้องปฏิบัติการ เป็นต้น
3.3 กิจกรรม / กระบวนการ หมายถึง กิจกรรมหรือกระบวนการที่ผู้สอนและผู้เรียนกำหนดขึ้นเพื่อสร้างเสริมประสบการณ์การเรียนรู้ ใช้ในการฝึกทักษะซึ่งต้องใช้กระบวนการคิด การปฏิบัติ การเผชิญสถานการณ์และ การประยุกต์ความรู้ของผู้เรียน เช่น บทบาทสมมติ การสาธิต การจัดนิทรรศการ การทำโครงงาน เกม เพลง เป็นต้น
3.4 วัสดุ เครื่องมือและอุปกรณ์ หมายถึง วัสดุที่ประดิษฐ์ขึ้นใช้เพื่อประกอบการเรียนรู้ เช่น หุ่มจำลอง แผนภูมิ แผนที่ ตาราง สถิติ รวมถึงสื่อประเภทเครื่องมือและอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในการปฏิบัติงานต่าง ๆ เช่น อุปกรณ์ทดลองวิทยาศาสตร์ เครื่องมือช่าง เป็นต้น
http://www.st.ac.th/av/media_kind.htm
สื่อการเรียนรู้สามารถจำแนกออกตามลักษณะได้เป็น 3 ประเภท คือ
1. สื่อสิ่งพิมพ์ หมายถึง หนังสือและเอกสารสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ที่แสดงหรือเรียบเรียงสาระความรู้ต่าง ๆ โดยใช้ตัวหนังสือที่เป็นตัวเขียน หรือตัวพิมพ์เป็นสื่อในการแสดงความหมาย สื่อสิ่งพิมพ์มีหลายชนิด ได้แก่ เอกสาร หนังสือเรียน หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วารสาร บันทึก รายงาน ฯลฯ
2. สื่อเทคโนโลยี หมายถึง สื่อการเรียนรู้ที่ผลิตขึ้นใช้ควบคู่กับเครื่องมือโสตทัศนวัสดุ หรือเครื่องมือที่เป็น เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น แถบบันทึกภาพพร้อมเสียง (วิดีทัศน์) แถบบันทึกเสียง ภาพนิ่ง สื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน นอกจากนี้สื่อเทคโนโลยี ยังหมายรวมถึงกระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการเรียนรู้ เช่น การใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อการเรียนรู้ การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม เป็นต้น
3. สื่ออื่น ๆ นอกเหนือจากสื่อ 2 ประเภทที่กล่าวไปแล้ว ยังมีสื่ออื่น ๆ ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน ซึ่งมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อเทคโนโลยี สื่อที่กล่าวนี้ ได้แก่
3.1 บุคคล หมายถึง บุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ซึ่งสามารถถ่ายทอด สาระความรู้ แนวคิดและ ประสบการณ์ไปสู่บุคคลอื่น เช่น บุคลากรในท้องถิ่น แพทย์ ตำรวจ นักธุรกิจ เป็นต้น
3.2 ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หมายถึง สิ่งมีอยู่ตามธรรมชาติและสภาพแวดล้อมตัวผู้เรียน เช่น พืชผักผลไม้ ปรากฏการณ์ ห้องปฏิบัติการ เป็นต้น
3.3 กิจกรรม / กระบวนการ หมายถึง กิจกรรมหรือกระบวนการที่ผู้สอนและผู้เรียนกำหนดขึ้นเพื่อสร้างเสริมประสบการณ์การเรียนรู้ ใช้ในการฝึกทักษะซึ่งต้องใช้กระบวนการคิด การปฏิบัติ การเผชิญสถานการณ์และ การประยุกต์ความรู้ของผู้เรียน เช่น บทบาทสมมติ การสาธิต การจัดนิทรรศการ การทำโครงงาน เกม เพลง เป็นต้น
3.4 วัสดุ เครื่องมือและอุปกรณ์ หมายถึง วัสดุที่ประดิษฐ์ขึ้นใช้เพื่อประกอบการเรียนรู้ เช่น หุ่มจำลอง แผนภูมิ แผนที่ ตาราง สถิติ รวมถึงสื่อประเภทเครื่องมือและอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในการปฏิบัติงานต่าง ๆ เช่น อุปกรณ์ทดลองวิทยาศาสตร์ เครื่องมือช่าง เป็นต้น
http://www.st.ac.th/av/media_kind.htm
วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2558
โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
Educational media :
สื่อการศึกษา หมายถึง วัสดุที่เสนอเนื้อหาสาระความรู้แก่ผู้รับ ช่วยอำนวยความสะดวกในการให้สารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ สื่อ อาจเป็นสื่อที่ให้สารสนเทศในตัวเอง หรือ อาจเป็นเครื่องมือ อุปกรณ์ในการนำเสนอ การเรียนการสอนในชั้นเรียน การบริการสารสนเทศในห้องสมุด ศูนย์สารสนเทศ จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง เทคนิค วิธีการ ให้ทันกับความก้าวหน้าและวิทยาการของโลก
ผู้สอน จำเป็นต้องใช้สื่อการศึกษา / สื่อการสอนเข้ามาช่วย
ผู้เรียน อาศัยสื่อเพื่อการเรียนรู้ ค้นคว้าตัวตนเองได้ เป็นเครื่องเสริมให้สามารถรับรู้ได้ทัดเทียมกับผู้อื่น เพิ่มทักษะการศึกษา และสามารถสนองตอบต่อวัตถุประสงค์เฉพาะอย่างของผู้สอนและผู้เรียน
สื่อหรือวัสดุสื่อ จำแนกได้เป็น
สื่อสิ่งพิมพ์ (Printed Media) หรือสื่อพิมพ์
สื่อที่ไม่ใช่สิ่งพิมพ์ (Nonprinted Media) หรือสื่อไม่พิมพ์ แบ่งได้กว้าง ๆ คือ
สื่อโสตทัศน์ (Audio-Visual Media) หมายถึงสื่อที่ให้สารวนเทศด้วยการฟัง และการมองเห็น
สื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Media) หมายถึงสื่อที่ต้องใช้ร่วมกับคอมพิวเตอร์
ภาพตัวอย่าง :
สื่อการศึกษา หมายถึง วัสดุที่เสนอเนื้อหาสาระความรู้แก่ผู้รับ ช่วยอำนวยความสะดวกในการให้สารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ สื่อ อาจเป็นสื่อที่ให้สารสนเทศในตัวเอง หรือ อาจเป็นเครื่องมือ อุปกรณ์ในการนำเสนอ การเรียนการสอนในชั้นเรียน การบริการสารสนเทศในห้องสมุด ศูนย์สารสนเทศ จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง เทคนิค วิธีการ ให้ทันกับความก้าวหน้าและวิทยาการของโลก
ผู้สอน จำเป็นต้องใช้สื่อการศึกษา / สื่อการสอนเข้ามาช่วย
ผู้เรียน อาศัยสื่อเพื่อการเรียนรู้ ค้นคว้าตัวตนเองได้ เป็นเครื่องเสริมให้สามารถรับรู้ได้ทัดเทียมกับผู้อื่น เพิ่มทักษะการศึกษา และสามารถสนองตอบต่อวัตถุประสงค์เฉพาะอย่างของผู้สอนและผู้เรียน
สื่อหรือวัสดุสื่อ จำแนกได้เป็น
สื่อสิ่งพิมพ์ (Printed Media) หรือสื่อพิมพ์
สื่อที่ไม่ใช่สิ่งพิมพ์ (Nonprinted Media) หรือสื่อไม่พิมพ์ แบ่งได้กว้าง ๆ คือ
สื่อโสตทัศน์ (Audio-Visual Media) หมายถึงสื่อที่ให้สารวนเทศด้วยการฟัง และการมองเห็น
สื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Media) หมายถึงสื่อที่ต้องใช้ร่วมกับคอมพิวเตอร์
ภาพตัวอย่าง :
วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงาน (Project) หมายถึงอะไร
จกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ศึกษา ค้นคว้าและลงมือปฏิบัติด้วยตนเองตามความสามารถ ความถนัด และความสนใจ โดยอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ หรือกระบวนการอื่นใดไปใช้ในการศึกษาหาคำตอบในเรื่องนั้นๆ โดยมีครูผู้สอนคอยกระตุ้นแนะนำและให้คำปรึกษาแก่ผู้เรียนอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่การเลือกหัวข้อที่จะศึกษา ค้นคว้า ดำเนินการ วางแผน กำหนดขั้นตอนการดำเนินงาน โดยทั่วๆ ไป การทำโครงงานสามารถทำได้ทุกระดับการศึกษา ซึ่งอาจทำเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่มก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะของโครงงาน อาจเป็นโครงงานเล็กๆ ที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนหรือเป็นโครงงานใหญ่ที่มีความยากและซับซ้อนขึ้นก็ได้
A project is a work effort made over a finite period of time with a start and a finish to create a unique product, service, or result. Because a project has a start and an end, it is also called a temporary effort or endeavor
A project is a work effort made over a finite period of time with a start and a finish to create a unique product or service or result. Because a project has a start and a finish, it is also called a temporary effort or endeavor. In other words, a project is a temporary endeavor taken to create a unique product, service or result. So, a project has two defining characteristics: It is temporary, and it creates a unique result.
โครงงานคอมพิวเตอร์
หมายถึง กิจกรรมการเรียนที่นักเีรียนมีอิสระในการเลือกศึกษาปัญหาที่ตนเองสนใจ โดยจะต้องวางแผนการดำเนินงาน ศึกษา พัฒนาโปรแกรม โดยใช้ความรู้ทางกระบวนการวิศวกรรมซอฟต์แวร์ เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนทักษะพื้นฐานในการพัฒนาโครงงาน เรื่องที่นักเรียนสนใจและคิดจะทำโครงงาน ซึ่งอาจมีผู้ศึกษามาก่อน หรือเป็นเรื่องที่นักพัฒนาโปรแกรมได้เคยค้นคว้าและพัฒนาแล้ว นักเรียนสามารถทำโครงงานเรื่องดังกล่าวได้ แต่ต้องคิดดัดแปลงแนวทางในการศึกษา การวิเคราะห์ข้อมูล การพัฒนาโปรแกรม หรือศึกษาเพิ่มเติมจากผลงานเดิมที่มีผู้รายงานไว้ จุดมุ่งหมายสำคัญของการทำโครงงานเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้รับประสบการณ์ตรงในการใช้ระบบคอมพิวเตอร์แก้ปัญหา ประดิษฐ์คิดค้น หรือค้นคว้าหาความรู้ต่างๆ ใช้คอมพิวเตอร์ในการพัฒนาสื่อการเรียนรู้เพื่อการศึกษา ประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ใช้สอยต่างๆ พัฒนาโปรแกรมประยุกต์ต่างๆ ตลอดจนการพัฒนาเกมคอมพิวเตอร์ เพื่อฝึกให้นักเรียนเป็นบุคคลที่ใฝ่เรียนใฝ่รู้ การพัฒนาความคิดใหม่ๆ ความมีคุณธรรมจริยธรรม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ให้กับเพื่อนมนุษย์ และอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข
จกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ศึกษา ค้นคว้าและลงมือปฏิบัติด้วยตนเองตามความสามารถ ความถนัด และความสนใจ โดยอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ หรือกระบวนการอื่นใดไปใช้ในการศึกษาหาคำตอบในเรื่องนั้นๆ โดยมีครูผู้สอนคอยกระตุ้นแนะนำและให้คำปรึกษาแก่ผู้เรียนอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่การเลือกหัวข้อที่จะศึกษา ค้นคว้า ดำเนินการ วางแผน กำหนดขั้นตอนการดำเนินงาน โดยทั่วๆ ไป การทำโครงงานสามารถทำได้ทุกระดับการศึกษา ซึ่งอาจทำเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่มก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะของโครงงาน อาจเป็นโครงงานเล็กๆ ที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนหรือเป็นโครงงานใหญ่ที่มีความยากและซับซ้อนขึ้นก็ได้
A project is a work effort made over a finite period of time with a start and a finish to create a unique product, service, or result. Because a project has a start and an end, it is also called a temporary effort or endeavor
A project is a work effort made over a finite period of time with a start and a finish to create a unique product or service or result. Because a project has a start and a finish, it is also called a temporary effort or endeavor. In other words, a project is a temporary endeavor taken to create a unique product, service or result. So, a project has two defining characteristics: It is temporary, and it creates a unique result.
โครงงานคอมพิวเตอร์
หมายถึง กิจกรรมการเรียนที่นักเีรียนมีอิสระในการเลือกศึกษาปัญหาที่ตนเองสนใจ โดยจะต้องวางแผนการดำเนินงาน ศึกษา พัฒนาโปรแกรม โดยใช้ความรู้ทางกระบวนการวิศวกรรมซอฟต์แวร์ เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนทักษะพื้นฐานในการพัฒนาโครงงาน เรื่องที่นักเรียนสนใจและคิดจะทำโครงงาน ซึ่งอาจมีผู้ศึกษามาก่อน หรือเป็นเรื่องที่นักพัฒนาโปรแกรมได้เคยค้นคว้าและพัฒนาแล้ว นักเรียนสามารถทำโครงงานเรื่องดังกล่าวได้ แต่ต้องคิดดัดแปลงแนวทางในการศึกษา การวิเคราะห์ข้อมูล การพัฒนาโปรแกรม หรือศึกษาเพิ่มเติมจากผลงานเดิมที่มีผู้รายงานไว้ จุดมุ่งหมายสำคัญของการทำโครงงานเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้รับประสบการณ์ตรงในการใช้ระบบคอมพิวเตอร์แก้ปัญหา ประดิษฐ์คิดค้น หรือค้นคว้าหาความรู้ต่างๆ ใช้คอมพิวเตอร์ในการพัฒนาสื่อการเรียนรู้เพื่อการศึกษา ประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ใช้สอยต่างๆ พัฒนาโปรแกรมประยุกต์ต่างๆ ตลอดจนการพัฒนาเกมคอมพิวเตอร์ เพื่อฝึกให้นักเรียนเป็นบุคคลที่ใฝ่เรียนใฝ่รู้ การพัฒนาความคิดใหม่ๆ ความมีคุณธรรมจริยธรรม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ให้กับเพื่อนมนุษย์ และอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
1. โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา ลักษณะเด่นของโครงงานประเภทนี้ คือ เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษา โดยการสร้างโปรแกรมบทเรียนหรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บททบทวน และคำถามคำตอบไว้พร้อม ผู้เรียนสามารถเรียนแบบรายบุคคลหรือรายกลุ่มการสอน โดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนนี้ ถือว่าคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์การสอน ซึ่งอาจเป็นการพัฒนาบทเรียนแบบออนไลน์ ให้ผู้เรียนเข้ามาศึกษาด้วยตนเองก็ได้ โครงงาน ประเภทนี้สามารถพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการสอนในวิชาต่างๆ โดยผู้เรียนอาจคัดเลือกเนื้อหาที่เข้าใจยาก มาเป็นหัวข้อในการพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา ตัวอย่างโครงงาน เช่น การเคลื่อนที่แบบโปรเจ็กไตล์ ระบบสุริยจักรวาล ตัวแปรต่างๆ ที่มีผลต่อการชำกิ่งกุหลาบ หลักภาษาไทย และสถานที่สำคัญของประเทศไทย เป็นต้น
2.โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน โครงงานประยุกต์ใช้งานเป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการ สร้างผลงานเพื่อประยุกต์ใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน อาทิเช่น ซอฟต์แวร์สำหรับการออกแบบและตกแต่งภายในอาคาร ซอฟต์แวร์สำหรับการผสมสี และซอฟต์แวร์สำหรับการระบุคนร้าย เป็นต้น โครงงานประเภทนี้จะมีการประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ใช้สอยต่างๆ ซึ่งอาจเป็นการคิดสร้างสิ่งของขึ้นใหม่ หรือปรับปรุงเปลี่ยนแปลงของเดิมที่มีอยู่แล้วให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โครงงานลักษณะนี้จะต้องศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้ก่อน แล้วนำข้อมูลที่ได้มาใช้ในการออกแบบ และพัฒนาสิ่งของนั้นๆ ต่อจากนั้นต้องมีการทดสอบการทำงานหรือทดสอบคุณภาพของสิ่งประดิษฐ์แล้วปรับ ปรุงแก้ไขให้มีความสมบูรณ์ โครงงานประเภทนี้ผู้เรียนต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ภาษาโปรแกรม และเครื่องมือต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
3.โครงงานพัฒนาเกม โครงงานประเภทนี้เป็นโครงงานพัฒนาซอฟต์แวร์เกมเพื่อความรู้หรือเพื่อความ เพลิดเพลิน เกมที่พัฒนาควรจะเป็นเกมที่ไม่รุนแรง เน้นการใช้สมองเพื่อฝึกคิดอย่างมีหลักการ โครงงานประเภทนี้จะมีการออกแบบลักษณะและกฎเกณฑ์การเล่น เพื่อให้น่าสนใจแก่ผู้เล่น พร้อมทั้งให้ความรู้สอดแทรกไปด้วย ผู้พัฒนาควรจะได้ทำการสำรวจและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเกมต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วไป และนำมาปรับปรุงหรือพัฒนาขึ้นใหม่ เพื่อให้เป็นเกมที่แปลกใหม่ และน่าสนใจแก่ผู้เล่นกลุ่มต่างๆ
4.โครงงานพัฒนาเครื่องมือ โครงงานประเภทนี้เป็นโครงงานเพื่อพัฒนาเครื่องมือช่วย สร้างงานประยุกต์ต่างๆ โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปซอฟต์แวร์ เช่น ซอฟต์แวร์วาดรูป ซอฟต์แวร์พิมพ์งาน และซอฟต์แวร์ช่วยการมองวัตถุในมุมต่างๆ เป็นต้น สำหรับซอฟต์แวร์เพื่อการพิมพ์งานนั้นสร้างขึ้นเป็นโปรแกรมประมวลคำ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือให้เราใช้ในการพิมพ์งานต่างๆบนเครื่องคอมพิวเตอร์ ส่วนซอฟต์แวร์การวาดรูป พัฒนาขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้การวาดรูปบนเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เป็นไปได้ โดยง่าย สำหรับซอฟต์แวร์ช่วยการมองวัตถุในมุมต่างๆ ใช้สำหรับช่วยการออกแบบสิ่งของ อาทิเช่น ผู้ใช้วาดแจกันด้านหน้า และต้องการจะดูว่าด้านบนและด้านข้างเป็นอย่างไร ก็ให้ซอฟต์แวร์คำนวณค่าและภาพที่ควรจะเป็นมาให้ เพื่อพิจารณาและแก้ไขภาพแจกันที่ออกแบบไว้ได้อย่างสะดวก
5. โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี โครงงานประเภทนี้เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการ จำลองการทดลองของสาขาต่างๆ ซึ่งเป็นงานที่ไม่สามารถทดลองด้วยสถานการณ์จริงได้ เช่น การจุดระเบิด เป็นต้น และเป็นโครงงานที่ผู้ทำต้องศึกษารวบรวมความรู้ หลักการ ข้อเท็จจริง และแนวคิดต่างๆ อย่างลึกซึ้งในเรื่องที่ต้องการศึกษาแล้วเสนอเป็นแนวคิด แบบจำลอง หลักการ ซึ่งอาจอยู่ในรูปของสูตร สมการ หรือคำอธิบาย พร้อมทั้งารจำลองทฤษฏีด้วยคอมพิวเตอร์ให้ออกมาเป็นภาพ ภาพที่ได้ก็จะเปลี่ยนไปตามสูตรหรือสมการนั้น ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนมีความเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น การทำโครงงานประเภทนี้มีจุดสำคัญอยู่ที่ผู้ทำต้องมีความรู้ในเรื่องนั้นๆ เป็นอย่างดี ตัวอย่างโครงงานจำลองทฤษฎี เช่น การทดลองเรื่องการไหลของของเหลว การทดลองเรื่องพฤติกรรมของปลาปิรันย่า และการทดลองเรื่องการมองเห็นวัตถุแบบสามมิติ เป็นต้น
วันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
จรรยาบรรณของผู้ใช้อินเตอร์เน็ต
จรรยาบรรณสำหรับผู้ใช้อินเทอร์เน็ต |
- ห้าม
ใส่ รูป ภาพ ที่ มี ขนาด ใหญ่ ไว้ ในเว็บ เพจ ของ ท่าน เพราะ ทำ ให้ ผู้ ที่ เรียก ดู ต้อง เสีย เวลา มาก ใน การ แสดง ภาพ เหล่า นั้น ผู้ ใช้ งานอิน เทอร์เน็ต ส่วน มาก เชื่อม ต่ออิน เทอร์เน็ต ด้วยโมเด็ม ทำ ให้ ผู้ เรียก ดู รูป ภาพ ขนาด ใหญ่ เบื่อ เกิน กว่า ที่ จะ รอ ชม รูป ภาพ นั้น ได้ - เมื่อเว็บ
เพจ ของ ท่าน ต้อง การ สร้าง link ไป ยังเว็บ เพจ ของ ผู้ อื่น ท่าน ควร แจ้ง ให้ เจ้า ของเว็บ เพจ นั้น ทราบ ท่าน สามารถ แจ้ง ได้ ทาง จด หมาย อิเล็กทรอนิกส์ - ถ้า
มีวิ ดี โอ หรือ เสียง บนเว็บ เพจ ท่าน ควร ระบุ ขนาด ของ ไฟล์วิ ดี โอ หรือ ไฟล์ เสียง ไว้ ด้วย (เช่น 10 KB, 2 MB เป็น ต้น) เพื่อ ให้ ผู้ เรียก ดู สามารถ คำน วน เวลา ที่ จะ ใช้ ใน การ ดาวน์ โหลด ไฟล์วิ ดี โอ หรือ ไฟล์ เสียง นั้น - ท่าน
ควร ตั้ง ชื่อ URL ให้ ง่าย ไม่ ควร มี ตัว อักษร ตัว ใหญ่ ปน กับ ตัว อักษร ตัว เล็ก ซึ่ง จำ ได้ ยาก - ถ้า
ท่าน ต้อง การ เรียก ดู ข้อ มูล จาก URL ที่ ไม่ ทราบ แน่ ชัด ท่าน สามารถ เริ่ม ค้น หา จาก domain address ได้ โดย ปกติ URL มัก จะ เริ่ม ต้น ด้วย www แล้ว ตาม ด้วย ที่ อยู่ ของเว็บ ไซด์ เช่น - http://www.nectec.or.th/
- http://www.tv5.co.th/
- http://www.kmitl.ac.th/
- ถ้าเว็บ
ไซด์ ของ ท่าน มี link เชื่อม โยง ไป ยังเว็บ เพจ อื่นๆ ด้วย รูป ภาพ เท่า นั้น อาจ ทำ ให้ ผู้ เรียก ดู ที่ ใช้ โปรแกรมบ ราว เซอร์ ที่ ไม่ สนับสนุน รูป ภาพ ไม่ สามารถ เรียก ชมเว็บ ไซด์ ของ ท่าน ได้ ท่าน ควร เพิ่ม link ที่ เป็น ตัว หนังสือ เพื่อ เชื่อม โยง ไป ยังเว็บ เพจ อื่นๆ ด้วย - ท่าน
ไม่ ควร ใส่ รูป ภาพ ที่ ไม่ มี ความ สำคัญ ต่อ ข้อ มูล บนเว็บ เพจ เนื่อง จาก ไฟล์ ของ รูป ภาพ มี ขนาด ใหญ่ ทำ ให้ เสีย เวลา ใน การ เรียก ดู และ สิ้น เปลือง bandwidth โดย ไม่ จำ เป็น - ท่าน
ควร ป้อง กัน ลิขสิทธิ์ ของเว็บ ไซด์ ด้วย การ ใส่ เครื่อง หมาย trademark (TM) หรือ เครื่อง หมาย Copyright ฉ ไว้ ในเว็บ เพจ แต่ ละ หน้า ด้วย - ท่าน
ควร ใส่ email address ของ ท่าน ไว้ ด้าน ล่าง ของเว็บ เพจ แต่ ละ หน้า เพื่อ ให้ ผู้ เรียก ชม สามารถ สอบ ถาม เพิ่ม เติม หรือ ติด ต่อ ท่าน ได้ - ท่าน
ควร ใส่ URL ของเว็บ ไซด์ ไว้ ด้าน ล่าง ของเว็บ เพจ แต่ ละ หน้า ด้วย เพื่อ เป็น แหล่ง อ้าง อิง ใน อนาคต สำหรับ ผู้ ที่ สั่ง พิมพ์เว็บ เพจ นั้น - ท่าน
ควร ใส่ วัน ที่ ของ การ แก้ ไข ข้อ มูล บนเว็บ ไซด์ ครั้ง สุด ท้าย ไว้ ด้วย เพื่อ ให้ ผู้ เรียก ชม ทราบ ว่า ข้อ มูล ที่ ได้ รับ นั้น มี ความ ทัน สมัย เพียง ใด - ห้าม
ไม่ ให้เว็บ ไซด์ ของ ท่าน มี เนื้อ หา ที่ ละเมิด ลิขสิทธิ์ มี เนื้อ หา ที่ ตี ความ ไป ใน ทาง ลามก อนาจาร หรือ การ ใช้ ความ รุน แรง เนื้อ หา ที่ ขัด ต่อ กฎหมาย ผู้ จัด ทำเว็บ ไซด์ จะ ต้อง เป็น ผู้ รับ ผิด ชอบ ต่อ เนื้อ หา และ ข้อ มูล ทั้ง หมด ในเว็บ ไซด์ นั้น - จรรยา
บรรณ เกี่ยว กับ จด หมาย อิเล็กทรอนิกส์ (email) และ แฟ้ม ข้อ มูล - ผู้
ใช้อิน เทอร์เน็ต ทุก คน มี ตู้ จด หมาย (mailbox) และ อี เมล์ แอดเด รส ที่ ใช้ อ้าง อิง ใน การ รับ ส่ง จด หมาย ความ รับ ผิด ชอบ ต่อ การ ใช้ งาน จด หมาย อิเล็กทรอนิกส์ เป็น เรื่อง ที่ ทุก คน ต้อง ให้ ความ สำคัญ อย่าง มาก เพราะ ระบบ จะ รับ ส่ง จด หมาย อิเล็กทรอนิกส์ โดย อัตโนมัติ หาก มี จด หมาย ค้าง ใน ระบบ เป็น จำนวน มาก จะ ทำ ให้ พื้น ที่ จัด เก็บ จด หมาย อิเล็กทรอนิกส์ ของ ระบบ หมด ไป ส่ง ผล ให้ ระบบ ไม่ สามารถ รับ ส่ง จด หมาย ได้ อีก ทำ ให้ ผู้ ใช้ ทุก คน ใน ระบบ ไม่ สามารถ รับ ส่ง จด หมาย ที่ สำคัญ ได้ อีก ต่อ ไป นอก จาก นี้ ผู้ ใด ผู้ หนึ่ง ส่ง จด หมาย อิเล็กทรอนิกส์ ที่ มี ขนาด ใหญ่ มาก ส่ง แบบ กระจาย เข้า ไป ใน ระบบ เดียว กัน พร้อม กัน หลาย คน จะ ทำ ให้ ระบบ หยุด ทำ งาน ได้ เช่น กัน - ผู้
ใช้ ทุก คน พึง ระลึก เสมอ ว่า เครื่อง คอมพิวเตอร์ ที่ จัด เก็บ ตู้ จด หมาย ของ แต่ ละ คน มิ ได้ มี ผู้ ใช้ เพียง ไม่ กี่ คน แต่ อาจ มี ผู้ ใช้ เป็น พัน คน หมื่น คน ดัง นั้น ระบบ อาจ มี ปัญหา ได้ ง่าย ผู้ ใช้ แต่ ละ คน จะ ต้อง มี ความ รับ ผิด ชอบ ใน การ ดู แล ตู้ จด หมาย ของ ตน เอง ดัง นี้
- ตรวจ
สอบ จด หมาย อิเล็กทรอนิกส์ ของ ตน เอง ทุก วัน และ จะ ต้อง จัด เก็บ แฟ้ม ข้อ มูล และ จด หมาย อิเล็กทรอนิกส์ ของ ตน ให้ เหลือ ภาย ใน โควต้า ที่ ผู้ บริหาร เครือ ข่าย กำหนด ให้ - ลบ
จด หมาย อิเล็กทรอนิกส์ ที่ ไม่ ต้อง การ แล้ว ออก จาก ระบบ เพื่อ ลด ปริมาณ การ ใช้ เนื้อ ที่ ระบบ - ดู
แล ให้ จำนวน จด หมาย อิเล็กทรอนิกส์ ที่ อยู่ ใน ตู้ จด หมาย มี จำนวน น้อย ที่ สุด - ควร
โอน ย้าย จด หมาย อิเล็กทรอนิกส์ ที่ จะ ใช้ อ้าง อิง ภาย หลัง มา ยัง เครื่อง คอมพิวเตอร์ ของ ตน เอง - พึง
ระลึก เสมอ ว่า จด หมาย อิเล็กทรอนิกส์ ที่ เก็บ ไว้ ใน ตู้ จด หมาย นี้ อาจ ถูก ผู้ อื่น แอบ อ่าน ได้ ดัง นั้น ไม่ ควร จัด เก็บ ข้อ มูล หรือ จด หมาย อิเล็กทรอนิกส์ ที่ ไม่ ได้ ใช้ แล้ว ไว้ ใน ตู้ จด หมาย
- หลัง
จาก ผู้ ใช้ ได้ รับ บัญชี (account) ใน โฮส จาก ผู้ บริหาร เครือ ข่าย ผู้ ใช้ จะ ได้ รับ สิทธิ์ ให้ ใช้ เนื้อ ที่ ของ ระบบ ซึ่ง เป็น เนื้อ ที่ เฉพาะ ที่ เรียก ว่า "โฮมไดเรกทอรี" ตาม จำนวน โควต้า ที่ ผู้ บริหาร เครือ ข่าย กำหนด ผู้ ใช้ จะ ต้อง มี ความ รับ ผิด ชอบ ต่อ เนื้อ ที่ ดัง กล่าว เพราะ เนื้อ ที่ ของ ระบบ เหล่า นี้ เป็น เนื้อ ที่ ที่ ใช้ ร่วม กัน เช่น โฮส แห่ง หนึ่ง มี ผู้ ใช้ ร่วม กัน สาม พัน คน ถ้า ผู้ บริหาร เครือ ข่าย กำหนด เนื้อ ที่ ให้ ผู้ ใช้ คน ละ 3 เม กะไบต์ โฮส จะ ต้อง มี เนื้อ ที่ จำนวน 9 จิกะไบต์ โดย ความ เป็น จริง แล้ว โฮส ไม่ มี เนื้อ ที่ จำนวน มาก เท่า จำนวน ดัง กล่าว เพราะ ผู้ บริหาร เครือ ข่าย คิด เนื้อ ที่ โดย เฉลี่ย ของ ผู้ ใช้ เป็น 1 เม กะไบต์ ดัง นั้น ถ้า ผู้ ใช้ ทุก คน ใช้ พื้น ที่ ให้ พอ เหมาะ และ จัด เก็บ เฉพาะ แฟ้ม ข้อ มูล ที่ จำ เป็น จะ ทำ ให้ ระบบ มี เนื้อ ที่ ใช้ งาน ได้ มาก - ผู้
ใช้ ทุก คน ควร มี ความ รับ ผิด ชอบ ร่วม กัน ดัง นี้
- จัด
เก็บ แฟ้ม ข้อ มูล ใน โฮมไดเ รกท รอ รี ของ ตน ให้ มี จำนวน ต่ำ ที่ สุด ควร โอน ย้าย แฟ้ม ข้อ มูล มา เก็บ ไว้ ที่ เครื่อง คอมพิวเตอร์ ของ ตน เอง - การ
แลก เปลี่ยน แฟ้ม ข้อ มูล ระหว่าง เครื่อง คอมพิวเตอร์ ของ ตน และ ผู้ อื่น ใน เครือ ข่ายอิน เทอร์เน็ต ควร จะ ตรวจ สอบ ไวรัส เป็น ประจำ เพื่อ ลด การ กระจาย ของ ไวรัส ใน เครือ ข่าย - พึง
ระลึก เสมอ ว่า แฟ้ม ข้อ มูล ของ ผู้ ใช้ ที่ เก็บ ไว้ บน เครื่อง นั้น อาจ ได้ รับ การ ตรวจ สอบ โดย ผู้ ที่ มี สิทธิ์ สูง กว่า ดัง นั้น ผู้ ใช้ ไม่ ควร เก็บ แฟ้ม ข้อ มูล ที่ เป็น เรื่อง ลับ เฉพาะ ไว้ บน โฮส
- บัญญัติ 10 ประการ
เป็น จรรยา บรรณ ที่ ผู้ ใช้อิน เทอร์เน็ต ยึด ถือ ไว้ เสมือน เป็น แม่ บท ของ การ ปฏิบัติ ผู้ ใช้ พึง ระลึก และ เตือน ความ จำ เสมอ
- ต้อง
ไม่ ใช้ คอมพิวเตอร์ ทำ ร้าย หรือ ละเมิด ผู้ อื่น - ต้อง
ไม่ รบ กวน การ ทำ งาน ของ ผู้ อื่น - ต้อง
ไม่ สอด แนม แก้ ไข หรือ เปิด ดู แฟ้ม ข้อ มูล ของ ผู้ อื่น - ต้อง
ไม่ ใช้ คอมพิวเตอร์ เพื่อ การ โจร กรรม ข้อ มูล ข่าว สาร - ต้อง
ไม่ ใช้ คอมพิวเตอร์ สร้าง หลัก ฐาน ที่ เป็น เท็จ - ต้อง
ไม่ คัด ลอก โปรแกรม ของ ผู้ อื่น ที่ มี ลิขสิทธิ์ - ต้อง
ไม่ ละเมิด การ ใช้ ทรัพยากร คอมพิวเตอร์ โดย ที่ ตน เอง ไม่ มี สิทธิ์ - ต้อง
ไม่ นำ เอา ผล งาน ของ ผู้ อื่น มา เป็น ของ ตน - ต้อง
คำนึง ถึง สิ่ง ที่ จะ เกิด ขึ้น กับ สังคม อัน ติด ตาม มา จาก การก ระ ทำ ของ ท่าน - ต้อง
ใช้ คอมพิวเตอร์ โดย เคารพ กฎ ระเบียบ กติกา และ มี มารยาท
บรรณ เป็น สิ่ง ที่ ทำ ให้ สังคมอิน เทอร์เน็ต เป็น ระเบียบ - ความ
รับ ผิด ชอบ ต่อ สังคม เป็น เรื่อง ที่ จะ ต้อง ปลูก ฝังกฏ เกณฑ์ ของ แต่ ละ เครือ ข่าย จะ ต้อง มี การ วาง ระเบียบ เพื่อ ให้ การ ดำ เนิน งาน เป็น ไป อย่าง มี ระบบ และ เอื้อ ประ โยชน์ ซึ่ง กัน และ กัน บาง เครือ ข่าย มี บท ลง โทษ ที่ ชัดเจน เช่น การ ปฏิบัติ ผิด กฎ เกณฑ์ ของ เครือ ข่าย จะ ต้อง ตัด สิทธิ์ การ เป็น ผู้ ใช้ ของ เครือ ข่าย ใน อนาคต จะ มี การ ใช้ เครือ ข่าย คอมพิวเตอร์ เป็น จำนวน มาก จรรยา บรรณ จึง เป็น สิ่ง ที่ ช่วย ให้ สังคมอิน เทอร์เน็ต สงบ สุข หาก มี การ ละเมิด อย่าง รุน แรง กฎหมาย จะ เข้า มา มี บท บาท ต่อ ไป - จรรยา
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)